ความแตกต่างของการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ

Last updated: 8 ม.ค. 2568  |  319 จำนวนผู้เข้าชม  | 

working-with-data-visualize-on-laptop

การวิจัยเป็นกระบวนการที่สำคัญในการสร้างความรู้และข้อมูลใหม่ๆ โดยวิธีการที่ใช้ในการวิจัยจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหาการวิจัยและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยทั่วไปแล้วการวิจัยสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักๆ คือ การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และ การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ซึ่งทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันในหลายด้าน เช่น วิธีการเก็บข้อมูล, วิธีการวิเคราะห์, และลักษณะของผลลัพธ์ที่ได้รับ บทความนี้จะนำเสนอความแตกต่างและข้อดีของการวิจัยทั้งสองประเภท เพื่อช่วยให้ผู้สนใจในการวิจัยสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับการศึกษาของตนได้

การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
การวิจัยเชิงคุณภาพมุ่งเน้นไปที่การเข้าใจปรากฏการณ์ในลักษณะที่เป็นลึกซึ้งและมีบริบท โดยไม่เน้นการวัดหรือการทดสอบในเชิงสถิติ เช่น การศึกษาพฤติกรรม, ความคิด, หรือประสบการณ์ของกลุ่มตัวอย่าง วิธีการที่ใช้ในการเก็บข้อมูลมักจะเป็นการสัมภาษณ์, การสังเกตการณ์, หรือการใช้เอกสารในการศึกษา
ลักษณะเด่นของการวิจัยเชิงคุณภาพ
การเข้าใจปรากฏการณ์ในเชิงลึก: การวิจัยเชิงคุณภาพมุ่งเน้นที่การเข้าใจความหมายของปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์ในบริบทที่เป็นเฉพาะ โดยไม่เพียงแต่ศึกษาผลลัพธ์ แต่ยังศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเหตุการณ์เหล่านั้น
ข้อมูลที่มีความยืดหยุ่น: ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยเชิงคุณภาพมักจะเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นเชิงตัวเลขหรือไม่เป็นรูปแบบที่สามารถคำนวณได้ง่าย แต่จะเป็นข้อมูลที่ให้มุมมองและเรื่องราวของผู้เข้าร่วมการศึกษา
ไม่เน้นการทดสอบสมมติฐาน: ในการวิจัยเชิงคุณภาพไม่มีการตั้งสมมติฐานเพื่อทดสอบ แต่เน้นที่การค้นพบแนวคิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากข้อมูลที่เก็บได้
ข้อดีของการวิจัยเชิงคุณภาพ
ลึกซึ้งและละเอียด: ช่วยให้เข้าใจถึงความรู้สึก, ทัศนคติ, หรือมุมมองของผู้คนในสถานการณ์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง
ความยืดหยุ่นในการศึกษาปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน: สามารถใช้ในการศึกษาเรื่องราวหรือปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งไม่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือเชิงปริมาณ
การสร้างทฤษฎีใหม่ๆ: เหมาะสำหรับการค้นพบหรือพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกรอบของทฤษฎีที่มีอยู่แล้ว

การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
การวิจัยเชิงปริมาณเน้นที่การวัดและการคำนวณ โดยการรวบรวมข้อมูลในรูปแบบของตัวเลขและการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เพื่อทดสอบสมมติฐานหรือคำถามวิจัย วิธีการเก็บข้อมูลอาจใช้แบบสอบถาม, การสำรวจ, หรือการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถวัดค่าทางตัวเลขได้อย่างแม่นยำ
ลักษณะเด่นของการวิจัยเชิงปริมาณ
การวัดที่เป็นมาตรฐาน: การวิจัยเชิงปริมาณมักใช้เครื่องมือที่สามารถวัดค่าตัวเลขได้อย่างแม่นยำ เช่น การวัดการตอบสนองของผู้เข้าร่วมการศึกษาโดยใช้คะแนนหรือระดับการวัดต่างๆ
การทดสอบสมมติฐาน: การวิจัยเชิงปริมาณมักมุ่งเน้นที่การทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้นเพื่อหาคำตอบหรือผลลัพธ์ที่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธได้
การวิเคราะห์ทางสถิติ: ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยเชิงปริมาณจะถูกวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคทางสถิติเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ
ข้อดีของการวิจัยเชิงปริมาณ
การวัดผลที่เป็นมาตรฐาน: ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและสามารถเปรียบเทียบได้
การทดสอบสมมติฐานที่ชัดเจน: ทำให้สามารถทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสรุปผลได้อย่างชัดเจน
การวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกันได้: ข้อมูลที่ได้สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ซึ่งสามารถสรุปผลได้อย่างชัดเจนและนำไปใช้งานได้

การวิจัยทั้งสองประเภทมีข้อดีและจุดแข็งที่เหมาะสมกับการศึกษาแต่ละประเภท การวิจัยเชิงคุณภาพมักเหมาะสมกับการศึกษาในเชิงลึกและความเข้าใจของปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลข ขณะที่การวิจัยเชิงปริมาณเหมาะสำหรับการวัดและการทดสอบสมมติฐานที่ชัดเจน ซึ่งทั้งสองประเภทสามารถเสริมสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ และช่วยให้การวิจัยมีความสมบูรณ์แบบและมีความหมายในระดับต่างๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนั้นๆ

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้